|
Home || รถตู้เช่าเหมาหาดใหญ่ || เรือหางยาวเช่าเหมา || รถตู้เช่าตรัง พัทลุง || |
ทริปเบตง 3 วัน 2 คืน รถตู้ VIP หาดใหญ่-เบตง พาเที่ยวเบตง ไม่ซ้ำใคร |
ทริปพากิน พาเที่ยวเบตง ด้วยรถตู้ VIP จากหาดใหญ่ เริ่มทริปจากดอนเมืองไปหาดใหญ่ จากนั้นรถตู้เบตงพาเที่ยว แพคเกจเที่ยวเบตงเมืองรอง |
|
|
จัดกรุ๊ป ทัวร์ตรัง || จัดกรุ๊ป ทัวร์ปีนัง || จัดกรุ๊ปทัวร์มาเลเซีย || จัดกรุ๊ปทัวร์พัทลุง || รถตู้เช่าเหมาเบตง |
หน้าแรก |
รวมทัวร์เบตง |
|
เช่าเหมาเรือหางยาวหลีเป๊ะ |
ทัวร์หลีเป๊ะ 1 วัน |
ทัวร์หลีเป๊ะ 2 วัน 1 คืน |
ทัวร์หลีเป๊ะ ลังกาวี 4 วัน 3 คืน |
รถเช่าเบตงขับเอง |
ทัวร์เบตง สงขลา 3 วัน 2 คืน |
|
แพคเกจเบตง 3 วัน 2 คืน เดือน ก.ค.-ธ.ค. 2567 |
ทริปเดินทางจากดอนเมือง ลงสนามบินหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ เที่ยวปัตตานี ยะลา และเบตง |
จอยกรุ๊ปครบ 8 คน คอนเฟิร์มเดินทาง |
ขึ้นลง สนามบินดอนเมือง SL / DD / FD |
|
|
ข้อดีของการเที่ยวเบตง แบบส่วนตัวด้วยรถตู้ VIP จากหาดใหญ่ คือ |
- ทริปราคาถูก
- แวะร้านอาหารหรือคาเฟ่ต์ที่เราต้องการเพิ่มได้
- เพิ่มที่เที่ยวหน้างานได้เลย
- เลือกที่พักที่เราสนใจได้ ตามงบที่เราต้องการ
- คนขับบริการดี แนะนำที่เที่ยวได้ตรงเป้าหมายของท่าน
- บริษัททัวร์มีรถเป็นของตัวเองราคารวมแล้วจะถูกกว่า |
วันแรก |
กรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง หาดใหญ่ วัดช้างให้ ปัตตานี จุดชมวิวสะพานข้ามเขื่อนบางลาง จุดเช็คอินป้ายโอเคเบตง สตรีทอาร์ต วงเวียนหอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์โบราณ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ |
04.00 น. |
คณะพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง บริเวณอาคาร 2 ผู้โดยสารขา ออกภายในประเทศ เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที และผู้โดยสารพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 20 นาที เนื่องจากตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วชั้นประหยัดพิเศษ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกันและไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนเครื่องบินได้ในคณะเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน |
06.10 น. |
ออกเดินทางบินลัดฟ้าสู่ หาดใหญ่ โดย สายการบินไลอ้อนแอร์ (Lion Air) |
|
เที่ยวบินที่ SL702 หรือ สายการบิน แอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD 3102 เดินทางระหว่างเวลา 06:30 - 08:05 หรือ สายการบิน นกแอร์ (Nok Air) เที่ยวบินที่ DD 500 เดินทาง ระหว่างเวลา 05.50 - 07.15 |
|
ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ |
|
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที ไม่มีบริการอาหารและเครื่อง ดื่มบนเครื่อง |
07.20 น. |
เดินทางถึง สนามบินหาดใหญ่ ให้ท่านรับสัมภาระให้เรียบร้อย ไกด์นำ |
|
เที่ยวรอท่านอยู่ด้านนอกที่จุดนัดพบ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่จังหวัดยะลา โดยรถตู้ปรับอากาศ (ระยะทาง 140 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง โดยประมาณ) |
|
จากนั้นนำท่านชม วัดช้างไห้ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดและอัฐิของท่านก็ถูกบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ อิสระให้ท่านไหว้พระขอพร หรือเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดตามอัธยาศัย |
กลางวัน |
บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย |
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง อำเภอเบตง ระหว่างทางนำท่าน จอดแวะถ่ายรูปบริเวณ สะพานข้ามเขื่อนบางลางบริเวณบ้านคอกช้าง อำเภอธารโต สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อล่นระยะทางในการเดินทาง จากเดิมที่จะต้องไปตามไหล่เขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา เบตง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะพักถ่ายรูปและยืดเส้นยืดสาย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อำเภอเบตง ตั้งอยู่ใต้สุดฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเขตแดนติดกับประเทศมาเลเซีย โอบล้อมด้วยแนวเทือกเขาสันการาคีรี ภูมิประเทศของอำเภอเบตง ด้วยภูมิประเทศแบบนี้จึงทำให้เบตงมีอากาศที่ดี อากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน คำว่า เบตง มาจากภาษามลายู "Buluh Betong" หมายถึง "ไม้ไผ่ขนาดใหญ่" |
|
นำท่านแวะจุดเช็คอินสุดฮิต ให้ท่านอิสระถ่ายรูป ป้ายโอเคเบตง |
|
จากนั้นนำคณะเดินชมจุดเด่นที่ได้รับความนิยมของตัวเมืองเบตงได้แก่ สตรีทอาร์ท หรือ ถนนศิลปะ งานศิลปะที่สะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของความเป็นเบตงได้อย่างดี จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานที่งดงามดังกล่าว เกิดจากทาง อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีการจัดงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง จุดประสงค์เพื่อสร้างหมุดหมายที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของชาเบตง |
|
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ วงเวียนหอนาฬิกาเบตง และ ตู้ไปรษณีย์โบราณ ในส่วนของตัวหอนาฬิกาสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนขาวที่มีอยู่มากในจังหวัดยะลา หอนาฬิกาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหรือจะเรียกว่าเป็นสะดือของเมืองเบตงก็ว่าได้ ในเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้น มักจะใช้บริเวณหอนาฬิกานี้เป็นจุดนัดหมายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตู้ไปรษณีย์โบราณ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2482 สูง 2.9 เมตร ในปัจจุบันนี้ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ยังเปิดใช้งานได้ และนักท่องเที่ยวมักจะซื้อโปสการ์ด เขียนและส่งจดหมายถึงญาติคนรัก หรือส่งถึงตัวเอง เก็บไว้เป็นความทรงจำ |
|
จากนั้นนำท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เจาะผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมต่อส่วนขยายของเมืองไปอีกฟากของตัวเมืองเป็นอุโมงค์
ที่ผู้คนสามารถใช้สัญจรไปมา
ด้วยรถยนต์แห่งแรกของประเทศไทย |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำ |
ที่พัก |
CATHAY HOTEL หรือ เทียบเท่าระดับ 3 ดาว |
วันที่สอง |
วัดพุทธาธิวาส วัดกวนอิม ป้ายใต้สุดสยาม ร้านของฝากเมืองเบตง ร้านวุ้นดำ ต้นตำรับ (เฉาก๊วย กม. 4) อุโมงค์ปิยะมิตร ๑ บ่อน้ำพุร้อน ศาลาประชาคมเบตง |
เช้า |
รับประทานอาหารเช้า แบบ ติ่มซำ |
|
จากนั้นเดินทางไปยัง วัดพุทธาธิวาส วัดคู่เมืองเบตง เดิมชื่อวัดเบตง ก่อตั้งเมื่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2460 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นทั้งหมด 5 ชั้น ตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่นมองเห็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์
โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล |
|
จากนั้นนำท่านสู่ วัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง หรือวัดกวนอิมตั้งอยู่บริเวณเนินเขาของสวนสุดสยาม วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพสำคัญๆหลายองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื้อ เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเลื่อมใสศรัทธาเดินทางมาสักการะขอพรเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจะขอพรให้ได้มีบุตรและโชคลาภ |
|
จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังบริเวณพรมแดน ไทย มาเล ฯ จุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมระหว่างสองประเทศ ถ่ายรูปกับ ป้ายใต้สุดสยาม ถือเป็นจุดเช็คอินไฮไลท์อีกหนึ่งจุดว่าท่านได้มาเยือนถึงแนวเขตแดนใต้สุดของประเทศไทย จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง ร้านของฝากเบตง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากจากท้องถิ่น เช่น หลินจือเบตง, บัวหิมะเบตง, ชาก๊กโป่ว และชาต้าลี่หวัง เป็นต้น จากนั้นนำท่านสู่ ร้านวุ้นดำ กม.4 ต้นตำหรับอร่อยระดับตำนาน พิเศษ
เสิร์ฟเฉาก๊วยท่านละ 1 ถ้วย เฉาก๊วยใช้วิธีทำแบบดั้งเดิม ต้มเคี่ยวหญ้าเฉาก๊วยด้วยเตาฟืน ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นหอมและมากไปด้วยสรรพคุณทางยา ให้ท่านได้ซื้อเป็นของฝาก |
กลางวัน |
บริการอาหารกลางวัน พิเศษ...เมนูจิ้มจุ่มปลานิลสายน้ำไหลชื่อดังของเบตง |
บ่าย |
จากนั้นนำท่านชม อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแม เราะ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการทหารของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) ว่ากันว่าฐานที่มั่นแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในแนวหลังของสงครามระหว่าง พคม กับ รัฐบาลมาเลเซีย ที่แข็งแกร่งที่สุด เคยถูกทิ้งระเบิดถึง 2 ครั้ง เป็นอุโมงค์ที่ขุดลึกลงไปในชั้นดิน จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกถึง 6 เมตร ใช้กำลังคน 60 80 คน อุโมงค์มีความกว้าง 50 60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร และมีทางเข้าออกถึง 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด กระจายอยู่รอบๆ ภูเขา ภายในอุโมงค์นั้น สามารถจุคนได้มากถึง 400 คน ภายในอุโมงค์มีโรงพยาบาลสนาม ห้องส่งสัญญาณวิทยุระยะไกล ห้องปฏิบัติงานวางแผน |
|
นำท่านเดินทางกลับ แวะพักผ่อนที่ บ่อน้ำพุร้อนเบตง บ่อน้ำพุร้อนเป็น บ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติขนาดใหญ่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย โดยอุณหภูมิของบริเวณจุดตาน้ำนั้นอยู่ที่ 60 80 องศาเซลเซียส และนักท่องเที่ยวมักจะทำกิจกรรมครอบครัว คือ นำไข่ไก่ ไข่นกกระทา มาลวก โดยใช้เวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น |
|
นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเบตง แวะชมและถ่ายรูปด้านนอก ศาลาประชาคม ชมหอนาฬิกาโบราณและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ที่ได้จำลองแบบมาจากของเดิม |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำ เมนูพิเศษ ไก่เบตง, เคาหยก และ แกงจืดลูกชิ้นแคระ |
ที่พัก |
CATHAY HOTEL หรือ เทียบเท่าระดับ 3 ดาว |
วันที่สาม |
สกายวอล์คชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สะพานแขวนแตปูซู ปัตตานี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว บ้านขุนพิทักษ์รายาด้านนอก หาดใหญ่ ตลาดกิมหยง สนามบินหาดใหญ่ สนามบินดอนเมือง |
|
รวมค่าบริการรถขึ้น - ลง จุดจอดรถไปยังสกายวอร์ค ไม่รวมค่าถุงผ้าครอบรองเท้า 30 บาท |
|
(การเที่ยวชมทะเลหมอก อาจมีการสลับสับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) |
04.00 น. |
นำท่านออกเดินทางไปชม ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตำบลอัยเยอร์เวง ที่ตั้งมี ความสูง จากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต จุดชมวิว ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้น ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันสวยงาม ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาชมในฤดูไหนก็มีโอกาสที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เป็นทะเลหมอกตลอดทั้งปี ทะเลหมอกที่ก่อตัวจากผืนป่า ฮาลาบาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว นำท่าน ขึ้นจุดชมวิว Skywalk ชมทัศนียภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา |
เช้า |
บริการอาหารเช้า |
|
สมควรแก่เวลานำคณะเดินทางต่อไปยัง สะพานแขวนแตปูซู แวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ สะพานแขวนแห่งนี้ใช้งานมาหลายสิบปี วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นนั้น ในอดีตชาวบ้านใช้ขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ ยางพารา และใช้สัญจรของชาวสวนในพื้นที่ ตัวสะพานมีความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 100 เมตร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จังหวัดปัตตานี |
กลางวัน |
บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย |
จากนั้นนำท่านชม ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เชื่อกันว่าผู้มาขอพรให้โชค ลาภจะได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือก็กลับ รุ่งเรืองขึ้นจนทำให้เกิดความนับถือศรัทธาอย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและรสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต |
|
จากนั้นนำท่านชม ชุมชนกือดาจีนอ เป็นภาษามลายู ซึ่งคำว่า กือดา แปลว่า ตลาด ส่วนคำว่า จีนอ แปลว่า จีน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าในอดีต เป็นชุมชนที่มีการผสมผสานทางพหุวัฒนธรรม ซึ่งบ้านเรือนในชุมชนจีนแห่งนี้มีความเก่าแก่ส่วนใหญ่มีอายุหลายร้อยปี จากนั้นนำท่านชมด้านนอก บ้านขุนพิทักษ์รายา สร้างขึ้นมาประมาณปี พ.ศ. 2460 อายุกว่า 100 ปี บ้านขุนพิทักษ์รายาเป็นเรือนแถว 2 ชั้น 2 คูหา 2 ช่วงเสา รูปแบบของตึกแถวมีการประยุกต์ระหว่างสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นและสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายจีน
ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและเป็นภาพสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของย่านนี้ อีกทั้งยังมีการบันทึกกล่าวถึงตำแหน่งของบ้านขุนพิทักษ์รายาในสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสปัตตานี และมีภาพบ้านขุนพิทักษ์รายาปรากฏอยู่ในภาพถ่ายในช่วงปี พ.ศ.2484 นำท่านเดินทางสู่หาดใหญ่ |
|
จากนั้นนำท่าน อิสระช้อปปิ้ง ตลาดกิมหยง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากอาทิเช่น อาหารแห้ง กาแฟ ขนมขบเคี้ยว ถั่วต่างๆ เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าปลอดภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านวางขายอยู่ทั่วไป ในราคาย่อมเยา ให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
ค่ำ |
อิสระอาหารค่ำ |
|
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ |
21.10 น. |
ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่หาดใหญ่ โดย สายการบิน ไลอ้อนแอร์ (Lion Air) เที่ยวบินที่ SL721 21.10 - 22.40 |
|
หรือ สายการบิน แอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD 3113 เดินทางระหว่างเวลา 22:00 - 23:35 |
|
หรือ สายการบิน นกแอร์ (Nok Air) เที่ยวบินที่ DD 509 เดินทางระหว่างเวลา 20.35 - 22.00 |
|
ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบิน ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน, การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบินหรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ |
|
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง |
22.40 น. |
เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ |
อัตราค่าบริการนี้รวม |
1.ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นประหยัด เดินทางไปกลับตามเส้นทางและวันที่ระบุในรายการ
2.ค่าน้ำหนักสัมภาระถือขึ้นเครื่อง 7 กิโลกรัม /ท่าน/เที่ยวบิน
3.ค่ารถตู้ปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการตลอดทั้ง 3 วัน
4.ค่าที่พักระดับ 3 ดาว ตามรายการ 2 คืน พักห้องละ 2 - 3 ท่าน หรือ 3 ท่านกรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว
5.ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ (ทางบริษัทสงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
6.ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุในรายการ
7.ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุในวงเงินไม่เกิน ท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
8.ค่ามัคคุเทศก์ผู้ชำนาญผู้ชำนาญเส้นทาง ตลอดทั้ง 3 วัน |
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม |
1.ค่าอาหารบนเครื่องบิน, ค่าเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน, ค่าเลือกที่นั่งบนรถนำเที่
2.ค่าน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้เครื่อง
3.ค่าบริการโหลดกระเป๋าสัมภาระใต้เครื่อง
4.ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
5.ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเอง, ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษนอกรายการ ค่าซักรีด, ฯลฯ
6.ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ, โรคระบาด, การประท้วง, การจลาจล, การนัดหยุดงาน, การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
7.ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ 350 บาท /ทริป/ท่าน |
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปชมความสวยงามในยามเช้า
|
เลือกทัวร์เบตงรับส่งจากหาดใหญ่ |
1. ทัวร์เบตง ปัตตานี 3 วัน 2 คืน
|
|
2. ทัวร์เบตง หาดใหญ่ สงขลา 4 วัน 3 คืน
|
|
3. ทัวร์เบตง 2 วัน 1 คืน
|
|
เช่ารถตู้เหมาเที่ยเบตง ราคาไม่รวมน้ำมัน
|
|
|
ตั๋วเรือ จากหลีเป๊ะ ไป เกาะลังกาวี |
ทัวร์ทะเลตรัง |
ทัวร์ดำน้ำกระบี่ |
ทัวร์ปีนัง |
ทัวร์เก็นติ้ง มาเลเซีย |
|
13 ที่เที่ยวเบตง 2 วัน 1 คืน เที่ยวครบทุกจุด
1.ถ่ายรูปสะพานเขื่อนบางลาง ทะเลสาบฮาลาบาลา
ระหว่างเส้นทางหาดใหญ่ไปเบตง จุดท่องเที่ยวแรกที่ไม่ควรพลาดเราจะนั่งรถผ่านสะพานขนาดใหญ่ที่ใช้ข้ามทะเลสาบฮาลาบาลา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหุบเขาสร้างบรรยากาศที่เย็นสบายเหมาะกับการได้นั่งพักผ่อนและสูดอากาศอันบริสุทธิ์ เราแวะรถให้ท่านได้ถ่ายรูปที่สะพานข้ามเขื่อนบางลาง ทะเลสาบฮาลาบาลายังมีเรือสำหรับการล่องชมธรรมชาติของเขื่อนบางลางด้วย แต่ต้องมีเวลาล่องอย่างน้อย 3 ชม.ถึงจะคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป สำหรับทริปนี่เราแวะถ่ายรูปไม่ได้นั่งเรือไปชมบรรยากาศจากบนเรือนะครับเนื่องจากเรามีเวลามาเที่ยวเบตงแค่ 2 วัน 1 คืน
สันเขื่อนบางลาเป็นจุดชมวิวและถ่ายรูปก่อนเข้าตัวเมืองเบตง วิวดีมาก...
|
2.อุโมงค์ปิยมิตร เบตง อุโมงค์ประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่ยะลายังมีกลุ่มคอมมิวนิสต์
ปัจจุบันอุโมงค์แห่งนี้มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร และได้จัดให้มีทางเข้าออกได้ 6 ทางจากเดิมที่ในสมัยคอมมิวนิสต์มีทางเข้าออกถึง 9 ทางด้วยกัน ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาและป่าจำนวนมากทำให้ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างดีในการรบและการป้องกันจากผู้รุกราน การเดินทางท่องเที่ยวภายในอุโมงค์ปิยมิตรมีอากาศเย็นสบายไม่อึดอัด เพราะสมัยก่อนเป็นที่อยู่ของทหารซึ่งสามารถจุคนในเวลาเดียวกันได้ถึง 200 คนเลยทีเดียว
อุโมงปิยมิตรเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองเบตง
|
3.สะพานแขวนแตปูซู สะพานโบราญข้ามแม่น้ำอัยเยอร์เวง จุดเช็คอินสุดแท่
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำยาวกว่า 100 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อวัถุประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำสามารถข้ามไปมากันได้
สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนที่จะมีสะพานชาวบ้านใช้วิธีการข้ามแม่น้ำโดยการใช้แพทำให้มีความยากลำบากสำหรับเด็กๆ
และผู้หญิงโดยเฉพาะช่วงที่เป็นฤดูฝนบริมาณน้ำในลำคลองจะเพิ่มสูงขึ้นมากด้วย จนทำให้ชาวบ้านและกำนันตำบลอัยเยอร์เวง นายมูเซ็ง แตปูซู ได้สร้างสะพานขึ้นมาใช้งานจนถึงปัจจุบันและได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองเบตงถึงปัจจุบัน
|
สอบถามรายละเอียดโปรแกรมทัวร์เบตงเพิ่มได้ทางไลน์นะครับ (กดตรงสีเขียวได้เลยครับ)
|
4.สนามบินเบตง เอกลักษณ์สนามบินที่สวยงามการตกแต่งผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมปักษ์ใต้
และสไตล์โมเดิร์นสมันใหม่
บนเนื้อที่กว่า 920 ไร่กลายเป็นสนามบินที่นักท่องเที่ยวต้องการไปถ่ายรูปและชมความสวยงามของสนามบินกลางหุบเขาที่อากาศดี เป็นสนามบินขนาดเล็กที่รู้สึกอบอุ่นเมื่อเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร สนามบินเบตงก่อสร้างเมื่อปี 2560 แต่เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2565 อาคารสนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารในเวลาเดียวกันได้ประมาณ 300 คน มีลานจอดรถสะดวกสบายทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเบตงผ่านมาทางนี้ก็ขอแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย
สนามบินเบตงมีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปมุมสวยๆของสนามบินเบตงกันเป็นจำนวนมาก
|
5.บ่อน้ำพุร้อนเบตง แช่เท้าก็สบาย ต้มไข่ก็อร่อย ร่มรื่นด้วยต้นไม้และที่นั่งสะดวกสบาย ผ่อนคลายมากๆ
เมื่อเดินท่องเที่ยวเมื่อยเราควรแวะแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อนเบตง เป็นบ่อจากธรรมชาติที่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆมากมายบนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ อุณหภูมิที่บ่อหลักประมาณ 80 องศา ซึ่งสามารถต้มไข่สุขได้และมีจุดขายไข่สำหรับท่านที่ต้องการทำกิจกรรมต้มไข่จากน้ำพุร้อน ทางการของเบตงได้จัดภูมิทัศให้บริเวณบ่อน้ำร้อนเบตงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้นักท่องเที่ยวทั่วไปที่มาเยือนเบตง และคนในพื้นที่เบตงและจังหวัดใกล้เคียงมาบำบัดร่างกายมีห้องอาบน้ำและบ่อสำหรับอาบและแช่เท้าได้สะดวกมากๆเลยครับ นอกจากนี้ยังจัดให้มีที่นั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้และร้านค้า ร้าอาหารด้านหน้าบ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย
|
6. สวนหมื่นบุปผาหรือสวนไม้ดอกเมืองหนาว....จุดรวมดอกไม้ ต้นไม้เมืองหนาวและผักปลอดสารพิษ
ตั้งอยู่ที่ บ้านตะโน๊ะแม่โระ ตำบลตะโนแม่โระ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา สวนหมื่นบุปผาตั้งอยู่กลางหุบเขาที่มีความอุดมสมบรูณ์ทั้งน้ำ อากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีจึงทำให้ที่นี่มีการปลูกผักและดอกไม้เมืองหนาวตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปและซื้อผัก ซื้อต้นไม้ที่ชอบ ซึ่งเดิม สวนหมื่นบุปผา เคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต ปัจจุบันหมู่บ้านปิยะมิตรยังอยู่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำให้กับบรรพชนรุ่นหลังที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของชาวหมู่บ้านปิยะมิตร และโครงการปลูกดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สวนหมื่นบุปผา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน มีค่าเข้าชมท่านละ 40 บาท รับประกันว่าท่านจะได้เห็นดอกไม้สวยๆ และต้นไม้แปลกตามากมาย และมีบ่อเลี้ยงปลา นอกจากนี้ยังมีโซนบ้านพักท่ามกลางบรรยากาศอันเย็นสบาย
อากาศที่สวนหมื่นบุปผาจะเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะกับการปลูกไม้ที่ชอบอากาศเย็นมากๆ
|
7.ร้านวุ้นดำ ต้นตำหรับเฉาก๊วย ก.ม.4
มาเที่ยวเบตง ไม่ควรพลาดลองชิม เฉาก๊วย ก.ม.4 เจ้าต้นตำหรับดังเดิม ลักษณะของบ้านไม้สมัยก่อนที่อยู่ติดถนนตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำพุร้อนเบตง ภายในบ้านแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตเฉาก๊วยอันโด่งดังที่นักท่องเที่ยวต่างรู้จักกันดีและมีรีวิวจากนักเดินทางมากมาย ความหอม ความมันและลงตัวของสูตรทำให้ใครมาทานก็บอกต่อให้คนอื่นๆได้มาลอง
|
8.ป้าย O.K. Betong กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองเบตงที่ต้องจอดรถถ่ายรูป
ตั้งอยู่ทางเข้าตัวเมืองเบตง ถนนสาย 410 ซึ่งเป็นถนนสายหลักตอนเข้าออกเมืองเบตง ป้ายโอเคเบตงได้กลายเป็นจุดเช็คอินที่ขาดไม่ได้สำหรับการมาเที่ยวเบตงที่ต้องแวะถ่ายรูปกับสวนเล็กๆ ที่มีจุดเด่นต้องตัวอักษร OK Betong ซึ่งตั้งอยู่ก่อนถึงใจกลางเมืองเบตงเพียง 20 นาที
ป้ายโอเคเบตง เราต้องแวะถ่ายรูปให้ได้ เพื่อประกาศว่าเราได้มาเที่ยวเบตงแล้ว
|
10.เบตง Skywalk ที่สุดของจุดชมทะเลหมอกของเบตง เดินสะพานเรือนกระจก ตื่นตี 4 ก็คุ้ม
จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง Skywalk Aiyerweng หนึ่งในไฮไลท์สำหรับการมาเที่ยวเบตงที่ทุกท่านต้องตื่นกันตั้งแต่ตี4 เพื่อมารอขึ้นชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ซึ่งมีอากาศหนาวตลอดทั้งปี นั่งรถออกมาจากตัวเมืองเบตงเพียง 40 นาที และเมื่อมาถึงที่ลานจอดรถก็จะมีรถของทาง อบต.อัยเยอร์เวงพาทุกท่านนั่งขึ้นไปยังอาคารจุดชมวิวและเราต้องต่อแถวเพื่อขอขึ้นไปชมวิวตรงจุดแลนด์มาร์คคือ ตรงสะพานเรือนกระจกพร้อมดูวิวทะเลหมอกจากมุมสูงสร้างความตื่นเต้นให้ทุกท่านได้ไม่น้อยเลยครับ สกายวอล์ค ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง กำหนดจำนวนการขึ้นชมแต่ละรอบประมาร 360 บาทต่อรอบ อาคารโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ แข่งแรกเห็นได้ชัดจากลานจอดรถมีความสูง 45 เมตร และใช้งบก่อสร้างกว่า 90 ล้านบาทกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเบตงได้ไม่น้อยในแต่ละปี
การได้ขึ้นมาชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงคือหนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวเบตงที่พลาดไม่ได้นะครับ |
11.ตู้ไปรษณีย์เบตงใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
มาถ่ายรูปกับตู้ไปรษณีย์ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยูใจกลางเมืองเบตง ใกล้ๆกับหอนาฬิกาวงเวียนเบตง ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2482 มีความสูงถึง 290 เมตร เห็นเด่นชัดใครมาเที่ยวเบตงจะต้องเห็นและแวะถ่ายรูปกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้บริเวณตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังติดกับวงเวียนหอนาฬิกา ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่กลางเมือง ซึ่งหอนาฬิกาเมืองเบตง สร้างด้วยหินอ่อนจากจังหวัดยะลา เสน่ห์ที่คู่หอนาฬิกาคือ นกนางแอ่นนับพันตัวที่เกาะสายไฟบริเวณหอนาฬิกา ซึ่งมีจำนวนมากช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม เพราะนกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวเย็นมาจากไซบีเรีย เพื่อมาอิงแอบพักอาศัยที่เมืองเบตง
ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่เบตงนี่เอง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ทที่ทำให้คนรู้จักเบตงมากขึ้น |
12.ป้ายใต้สุดแดนสยาม ไปชมดินแดนประเทศไทยฝั่งติดกับประเทศมาเลเซีย
ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร สร้างจากหินอ่อน มีการสลักสัญลักษณ์เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยและข้อความด้วยสีทองโดดเด่นอยู่ภายในเนื้อหิน ผู้ที่มาเยือนเมืองเบตง ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับป้ายใต้สุดสยาม ถือได้ว่ามาไม่ถึงเบตง จากตัวเมืองเบตงไปทางใต้ประมาณ 10 นาทีแวะถ่ายรูปและเช็คอินที่ดินแดนประเทศไทยทางใต้สุด ติดกับชายแดนมาเลเซียซึ่งคนไทยและมาเลเซียบริเวณชายแดนก็สามารถสื่อสารกันเป็นภาษามาลายูได้
|
13.อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ผ่านภูเขาที่เป็นถนนสายแรกของประเทศไทย
ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณถนนอมรฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรงผ่านสวนสาธารณะออกสู่ถนน บริเวณหน้าสวนนก เชื่อมต่อกับถนนมงคลประจักษ์ ทะลุไปสู่ชุมชนเมืองใหม่หมู่บ้านแกรนด์วิว และเชื่อมต่อกับถนนอัยเยอร์เบอร์จัง ไปสู่ชุมชนธารน้ำทิพย์อีกทอดหนึ่ง เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-มาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร ผิวจราจรคู่ กว้าง 7เมตร ทางเท้าเดินกว้างข้างละ 1 เมตร ความเร็วรถสามารถวิ่งได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นักท่องเที่ยวหลายๆท่านรู้ว่ามีอุโมงค์เบตงแต่ก็ยังไม่เคยได้มาชมเมื่อมาเที่ยวที่เบตงก็ควรแวะรถแล้วลงไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ณ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ และใกล้ๆกันก็มี วงเวียนหอนาฬิกา ซึ่งเปรียบเสมือนใจกลางของเมืองเบตงที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของเมืองเบตงนั้นเอง
|
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเบตง |
เบตง เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดยะลา และปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมาก ด้วยสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกจากสนามบินหาดใหญ่ หรือ สามารถบินมาลงที่สนามบินเบตงได้เลย ครับ
และแหล่งท่องเที่ยวหลักๆของเบตงก็มีหลากหลาย รวมทั้งอาหารการกินที่มีเอกลักษณ์ เช่น กบภูเขา ผักน้ำ ไก่เบตง เมนูปลานิลสายน้ำไหล และหมี่เบตง เป็นต้น |
|
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรก
ของประเทศไทย
เที่ยวเบตง ชมอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณถนนอมรฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรงผ่านสวนสาธารณะออกสู่ถนน
บริเวณหน้าสวนนก เชื่อมต่อกับถนนมงคลประจักษ์ ทะลุ
ไปสู่ชุมชนเมืองใหม่หมู่บ้านแกรนด์วิว และเชื่อมต่อกับถนนอัยเยอร์เบอร์จัง ไปสู่ชุมชนธารน้ำทิพย์อีกทอดหนึ่ง เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขา
แห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-
มาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวตลอดอุโมงค์
ประมาณ 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร ผิวจราจรคู่ กว้าง 7เมตร
ทางเท้าเดินกว้างข้างละ 1 เมตร ความเร็วรถสามารถวิ่งได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544 นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายรูปกับรูปปั้นไก่เบตงที่อยู่บริเวณใกล้
เคียงกับปากอุงโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งไก่เบตงนอกจากจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเบตงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอำเภอเบตงอีกด้วย
|
|
|
บ่อน้ำพุร้อนเบตง เชื่อกันว่า กรดกำมะถันนั้น มีสรรพคุณมากมาย
ในการช่วยลดไขมัน บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิด แก้โรคเหน็บชา และช่วยกระตุ้นจุดต่าง ๆ ของร่างกายให้ผ่อนคลาย บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ น้ำพุร้อนเหมาะกับการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยั้งมีบ่อพักน้ำที่สามารถลงไปแช่น้ำแร่ได้ และบ่อสำหรับต้มไข่ให้นักท่องเที่ยวได้ต้มแล้วปอกรับประทานได้
อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งความร้อนของบ่อจะทำให้ไข่สุกภายใน 7 นาที นอกจากนี้ยังมีบริการห้องอาบน้ำแร่ไว้บริการแก่ผู้สนใจด้วย
|
|
|
สวนหมื่นบุปผาสวนไม้ดอกเมืองหนาว ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต ปัจจุบันหมู่บ้านปิยะมิตรยังอยู่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ
ให้กับบรรพชนรุ่นหลังที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อาชีพเกษตรกรรม
เป็นอาชีพหลักของชาวหมู่บ้านปิยะมิตร และโครงการปลูกดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการส่งเสริมรายได้ให้กับชาวหมู่บ้านปิยะมิตรอีกทางหนึ่ง ความงดงามของไม้ดอกนานาพันธุ์ที่ถูกบรรจงปลูกเป็นทิวแถว บานสะพรั่งอยู่ทั่วเนินเขาที่ห้อมล้อมด้วยหุบเขาสูงในสภาพภูมิอากาศ
ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้
|
|
ป้ายใต้สุดแดนสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตง
กับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร
สร้างจากหินอ่อน มีการสลักสัญลักษณ์เป็นรูปแผนที่ประเทศไทย
และข้อความด้วยสีทองโดดเด่นอยู่ภายในเนื้อหิน ผู้ที่มาเยือนเมืองเบตง ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับป้ายใต้สุดสยาม ถือได้ว่ามาไม่ถึงเบตง
|
|
|
ตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก
ตู้ไปรษณีย์ อาจเป็นสิ่งที่คุ้นตา กับชาวไทยเรา แล้วตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดความสูงกว่า 3 เมตร และมีเส้นรอบวงเกือบครึ่งเมตร
ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ ณ มุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาตั้งแต่ปี 2467 เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ตู้มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไป รวมความสูงทั้งหมด
ประมาณ 320 ซม. อายุร่วม 80 ปี ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตง
กับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย จึงสะดวกที่สุด โดยนายสงวน จิระจินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตงในขณะนั้นเคยเป็นนายไปรษณีย์มาก่อน จึงได้จัดสร้างตู้ไปรษณีย์นี้ไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การติดต่อสื่อสารของอำเภอเบตง และยังได้ติดตั้งวิทยุกระจายเสียงไว้ในส่วนบนของตู้ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังข่าวสารจากทางราชการด้วย
และปัจจุบันตู้ไปรษณีย์ใบนี้ ก็ยังใช้งานอยู่พร้อมบริการรับจดหมายเหมือนตู้ไปรษณีย์ทั่ว ๆ ไป และเพื่อความเป็นที่หนึ่งเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการสื่อสาร
ของอำเภอเบตง เทศบาลเมืองเบตงจึงได้จำลองตู้ไปรษณีย์ขนาดใหญ่กว่าเดิม
ถึง 3.5 เท่า ตั้งอยู่ในบริเวณสวนมหาดไทย ศาลาประชาคม
|
|
|
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงและสกายวอล์ค
ตั้งอยู่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา รายล้อมด้วยผืนป่า ขนาดใหญ่ ในเขตพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ กิโลเมตรที่ 32 มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต ที่ผู้มาเยือนสามารถชื่นชมความงามของธรรมชาติได้แบบเต็มตา ซึ่งเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือช่วงเช้า มืดก่อน พระอาทิตย์ขึ้น และอีกหนึ่งจุดชมวิวซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ บริเวณยอดเขาฆูนุงชาลีปัต (ฆูนุงสาลี) ที่ต้องเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมทะเลหมอก ในมุมมองกว้าง 360 องศา เป็นอีกหนึ่ง Unseen Thailand ที่ผู้มาเยือนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยงามสุดๆ
|
|
|
วัดพุทธาธิวาส เบตง
ตั้งอยู่บนเนินเขาในตัวเมืองเบตง บริเวณวัดพุทธาธิวาส
ถนนรัตนกิจลักษณะเจดีย์ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ สีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถวายแด่
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา
ลักษณะเด่น พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน
พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย - วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด - วิหารพระครูพิศิษฐ์อรรถการ
ประวัติ ดพุทธาธิวาส ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๐ โดยมีคณะผู้เริ่มดำเนินการ คือ พระพิทักษ์ธานี (เล็ก), นายอำเภอเบตงในสมัยนั้น, นายพุ่ม คชฤทธิ์, นายกิมซุ้ย
ฟุ้งเสถียรและนายผล สุภาพ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้ผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๐ วัดพุทธาธิวาส ตั้งอยู่เลขที่ ๖๕ ถนนรัฐกิจ หมู่ที่ ๑ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม ๕ ชั้น วัดพุทธาธิวาส ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์
พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่น
มองเห็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์สวยงามมาก
โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มหาธาตุเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการ
ของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา
โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานนาม และเสด็จทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนยอดฉัตรเมื่อวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๓๖
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกวัดพุทธาธิวาส
เป็นอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญตั้งแต่วันที่ ๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖
|
|
|
|
อุโมงค์ปิยะมิตร
อยู่ที่บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ ใช้เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนและน้ำตกอินทสร แต่อยู่เลยบ่อน้ำร้อนไปอีก 4 กิโลเมตร
หากใครชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงประวิติศาสตร์ ต้องไม่พลาด
"อุโมงค์ปิยะมิตร" ตั้งอยู่ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อุโมงค์แห่งนี้ฝังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน กาลเวลาอาจทำให้ประวัติศาสตร์ของอุโมงค์ปิยะมิตรจืดจางลง
ไปจากความทรงจำ แต่ร่องรอยของสถานที่แห่งนี้กลับขับเน้นให้ได้ทบทวนถึงอดีต ด้วยความรู้สึกใหม่ แมกไม้นานาพรรณที่อยู่บริเวณปากทางเข้าอุโมงค์ปิยะมิตรนั้น ช่วยพรางอุโมงค์ความยาว 1 กิโลเมตร ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบ้านปิยะมิตร ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ได้เป็นอย่างดี ในอดีต อุโมงค์ปิยะมิตรเคยถูกใช้เป็นฐาน
ในการหลบซ่อนตัว และเป็นแหล่งสะสมเสบียงในการต่อสู้ของกลุ่มผู้ขัดแย้งทางการเมือง
ในคาบสมุทรมาลายา ในเวลาต่อมากลุ่มผู้ที่เคยใช้อุโมงค์แห่งนี้
ในการพักพิง
ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว หากแต่ห้องหับและร่องรอยที่พวกเขาทิ้งไว้ยังคงถูกจารึกเอาไว้
ให้คนรุ่นหลัง ได้ใช้ประโยชน์จากการรำลึกถึงอดีตแห่งการต่อสู้อันเจ็บปวด ภายในอุโมงค์ติดไปสีเหลืองส้มนวลตาแต่ก็ชวนให้นึกถึงภาพอดีต อุโมงค์ถูกแบ่งออกเป็นห้องหรือช่องต่าง ๆ ตามการใช้งาน เช่น ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง เป็นต้น อากาศภายในเย็นสบายไม่อึดอัด ที่ตั้ง : อยู่ที่อำเภอเบตง การเดินทางโดยจากอำเภอเมืองยะลาไปเบตง ใช้ทางหลวงหมายเลข 40 ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร จากอำเภอเบตงไปตามทางหลวงหมายเลข 410 เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร แล้วแยกไปตามทางลาดยางอีก 11 กิโลเมตร ก็จะถึงอุโมงค์ปิยะมิตร ที่นี่เปิดให้เข้าทุกวัน เวลา 08.00-16.00น. และสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี
|
|
|
ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต
สามารถชมวิวทะเลหมอกได้ 360 องศาเช่นเดียวกัน โดยสามารถมาชมทะเลหมอกได้ทั้งปี แต่ช่วงที่จะสวยที่สุดก็อยู่ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เนื่องจากท้องฟ้าจะเปิดเต็มที่ มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้า ตัดกับทะเลหมอกสีขาวหนานุ่มเป็นปุยนุ่น
การขึ้นไปชมทะเลหมอกบนยอดเขาฆูนุงซีลีปัตนั้นต้องใช้แรงใจ
และแรงขาพอสมควร เนื่องจากเส้นทางการเดินขึ้นบนยอดเขานั้นมีความลาดชัน แม้จะมีระยะทางไม่ไกลมากนัก ราว 500-700 เมตร (แล้วแต่เส้นทางที่เดินขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 เส้นทาง เป็นเส้นทางที่เดินขึ้นจากทางรีสอร์ท และเส้นทางโดยการท่องเที่ยวชุมชน) ยิ่งในช่วงที่มีฝนตกทางเดินขึ้นจะลื่น และต้องปีนป่ายในบางช่วง แต่ก็จะมีเชือกติดตั้งไว้ตามรายทางเพื่อช่วยในการเดินขึ้นลง
สำหรับยอดเขาฆูนุงซีลีปัต มีความสูง 607 เมตร จากระดับน้ำทะเล ด้านบนยอดเขาเป็นลานหินขนาดไม่กว้างมากนัก จึงต้องมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินขึ้นด้านบนคราวละประมาณ 70-80 คน นักท่องเที่ยวที่จะเดินขึ้นเขา สามารถพักในตัวเมืองเบตงแล้วเดินทางมาในช่วงเช้ามืด หรือจะพักกางเต็นท์ค้างคืนบริเวณด้านล่างเขาก็ได้
|
|
พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง
เบตงเป็นภาษามลายู แปลว่าไม้ไผ่ เดิมเรียกว่าอำเภอระยม
ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็นดินแดนภายใต้การปกครองดูแล
ของชนชาติไทย
ในยุคขยายอิธิพลและครอบครอง คณะผู้บริหารของเทศบาลอำเภอเบตงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ
ของเมืองเบตง จึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงขึ้นใน พ.ศ. 2548
เพื่อให้ท้องถิ่นได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
และสิ่งแวดล้อมของคนในพื้นที่มากขึ้น พิพิธภัณฑ์เบตง มี 3 ชั้น
โดยส่วนของการจัดแสดงมี 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดแสดง
นิทรรศการโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเก่า เช่น ถ้วยชาม เครื่องเคลือบ ตู้ เตียง
ตะเกียงเก่า โดยนำมาจัดแสดงไว้ในตู้ไม้กระจกใส
ตั้งอยู่หน้าบันไดทางขึ้น ส่วนชั้นที่ 2 มีการจัดแสดงรูปเก่า ๆ หนังสือพิมพ์ประวัติความเป็นมา โดยแขวนไว้บนฝาผนังของห้อง และมีการติดบอร์ดแสดงแหล่งข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
ที่น่าสนใจของอำเภอเบตง นอกจากนี้ชั้นที่ 3 ยังเป็นหอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเบตงทั้งเมืองได้
|
|
|
แพ็คเกจเที่ยวเบตงกรุ๊ปส่วนตัว |
|
ทัวร์เบตง 3 วัน 2 คืน รับ-ส่งที่สนามบินหาดใหญ่ กรุ๊ปส่วนตัว |
ทัวร์เบตง อัยเยอร์เวง 3 วัน 2 คืน ใต้สุดแดนสยาม เมืองงามในหุบเขา เราต้องไปให้ได้ OK..เบตง |
เมนูเด่นในโปรแกรมนี้:: กบภูเขา ปลานิลสายน้ำไหล ไก่เบตง ผักน้ำ |
|
|
|
ทัวร์เบตงบินตรงสู่สนามบินเบตง 3 วัน 2 คืน |
ทัวร์เบตง บินตรงก็...โอเค ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เมนูเด่นในโปรแกรมนี้:: กบภูเขา ปลานิลสายน้ำไหล ไก่เบตง ผักน้ำ เฉาก๊วย ก.ม.4 |
เที่ยวเบตง ยะลา 3 วัน 2 คืน |
|
|
|